Rooftop
KS VentFlow - Roof Ventilator
ระบบหลังคาระบายอากาศ
KS VentFlow ระบบหลังคาระบายอากาศ ที่ทำให้อาคารเย็นกว่าเดิม ลดอุณหภูมิในอาคารได้สูงสุดถึง 6.7 oC ช่วยลดความร้อน ระบายความร้อนได้ดี และเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ นอกจากนี้ถ้าหากเป็นอาคารที่สามารถออกแบบให้มีช่องเปิดบนจั่วหลังคา จะทำให้ลดอุณหภูมิภายในโรงงานได้ถึง 12 oC สินค้ามี 2 รุ่นคือ KS VentFlow600 และ KS VentFlow700 ที่สามารถใช้ได้กับหลังคาทุกรูปลอน มีความแข็งแรงด้วยโครงเฟรมปั๊มขึ้นรูป มาพร้อมกับผนังเหล็ก และไม่ทำให้เกิดการรั่วซึม ด้วยชุดครอบพิเศษ รวมถึงตะแกรงที่กันนก หนู กระรอก เข้ามาในอาคารอีกด้วย
คุณสมบัติเด่น
- เพิ่มการไหลเวียนถ่ายเทอากาศ และช่วยระบายความร้อนออกสู่ภายนอกอาคาร
- สร้างภาวะเย็นสบายให้กับผู้อยู่ในอาคาร
- ด้วยลักษณะครอบข้างแบบพิเศษ ไม่กีดขวางลม และทำให้น้ำฝนไม่หยดเข้าไปในอาคาร
- โครงเฟรมแข็งแรง รับแรงได้ดี โดยการปั๊มขึ้นรูปทั้งชิ้น
- เหมาะกับหลังคาทุกรูปลอนและติดตั้งที่มุมลาดเอียงต่ำสุดเพียง 1 องศา
- น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย รวดเร็ว สามารถผลิตรีดขึ้นรูปได้ตามความยาวที่ต้องการ
- ทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้อาคารมีอายุการใช้งานยาวนาน
ระบบหลังคาระบายอากาศสำเร็จรูป
ประกอบด้วย
- โครงเฟรมปั๊มขึ้นรูป มีหน้ากว้าง 1180 มม. สูงถึง 1250 มม. หนา 1.50 มม. (
-
)
- ฐานแท่นครอบ (
,
-
)
- ด้านบนปิดด้วยแผ่นโปร่งแสง (
-
,
) และสามารถพิ่มแผ่นตะแกรงกันนก ในกรณีที่ลูกค้าต้องการ
- แผ่นผนังเหล็ก (
) และแผ่นครอบข้างแบบพิเศษ เคลือบกันสนิมด้วยเหล็ก Zincalume หนา 0.47 มม. (
-
,
-
)
Dimension
B (mm) | H (mm) | A (mm) | Thickness, BMT (mm) | Length (mm) | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|
H1 | H2* | tf frame | ts siding | tsf Flashing | |||
1,180 | 950 | 70 - 300 | 320 | 1.50 | 0.42 | 0.42 | custom length |
*H2 ขึ้นอยู่กับความหนาของฉนวน และความสูงลอนของแต่ละรูปลอน
หลักการระบายอากาศภายในโรงงานหรืออาคาร แบ่งออกได้ 2 แบบ คือ
- ระบบ Active Ventilation หรือ Mechanical Ventilation จะใช้พลังงานกลในการระบายอากาศ เช่น พัดลม และระบบปรับอากาศ มาเป็นตัวกลางในการระบายอากาศ
- ระบบ Passive Ventilation หรือ Natural Ventilation จะใช้ลมธรรมชาติในการการระบายอากาศ โดยมีช่องเปิดจากภายในสู่ภายนอกได้ อาศัยการไหลเวียนของอากาศ โดยลมธรรมชาติ (Natural Convective Circulation) ซึ่งก็คือ “อากาศร้อนจะลอยขึ้นที่สูง และอากาศเย็นจะไหลเข้ามาแทนที่” ทำให้ลดความร้อนลง โดยไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อทำให้อาคารเย็นเร็วขึ้น นั่นก็คือ ทำให้การไหลเวียนถ่ายเทของอากาศ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม
*Air change คือ ปริมาณที่ต้องการเติมเข้าไปในพื้นที่ เพื่อแทนที่อากาศในพื้นที่นั้นของอาคารโรงงาน ซึ่งสามารถคำนวณหาได้จาก Air change rate เพื่อคิดปริมาณการหมุนเวียนลมในพื้นที่ โดยนำค่าที่ได้ไปเทียบกับค่ามาตรฐานหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ เช่น ตามกฎกระทรวง หรือ มาตรฐาน วสท. เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบระบายอากาศแบบ Passive Ventilation มีสมรรถนะสูงขึ้น ทาง KS Group จึงได้ทำการออกแบบและปรับปรุงระบบหลังคาสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีช่องเปิดระบายอากาศบนหลังคาที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางบริษัท โดยใช้ชื่อสินค้าว่า ระบบหลังคาระบายอากาศแบบ KS VentFlow ซึ่งระบบช่องเปิดของหลังคาในลักษณะดังกล่าวนั้น สามารถส่งเสริมการไหลอากาศโดยอาศัย Natural Convective Circulation ได้ดียิ่งขึ้นกว่าช่องเปิดหลังคาโดยทั่วไป
KS Group เราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา ขอนำเสนอระบบหลังคาระบายอากาศ KS VentFlow ซึ่งเป็นระบบหลังคาระบายอากาศแบบ Passive Ventilation* ภายใต้ลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท โดยใช้ชื่อสินค้าว่า “ระบบหลังคาระบายอากาศแบบ KS VentFlow” ซึ่งได้ออกแบบ และศึกษาวิจัย โดยได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์จากสถาบัน ม.พระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อยืนยันสมรรถภาพที่สูงขึ้นในการระบายอากาศ และการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคาร พบว่า
- อุณหภูมิในตัวอาคารมีการลดลงสูงสุดถึง 6.7 oC และมีการไหลเวียนของอากาศเพิ่มขึ้น ระบายความร้อนได้เร็วขึ้น
- ระบบหลังคาระบายอากาศ KS VentFlow สามารถใช้กับหลังคาได้ทุกรูปลอน มีความแข็งแรงด้วยโครงเฟรมปั๊มขึ้นรูป มาพร้อมกับผนังเหล็ก และไม่ทำให้เกิดการรั่วซึม ด้วยชุดครอบพิเศษกันน้ำย้อนเข้าอาคาร รวมถึงตะแกรงที่กันนก หนู กระรอก เข้ามาในอาคารอีกด้วย
หมายเหตุ จากรูป ความเร็วของอากาศบริเวณทางเข้าโรงงาน มีค่าเท่ากับ 0.5 m/s เมื่ออากาศไหลเข้าสู่โรงงานที่ติดอุปกรณ์ KS VentFlow700 ขนาดช่องเปิด 700 มิลลิเมตร ระยะห่าง 15 เมตร ซึ่งมีการระบายอากาศที่ดีกว่าโรงงานต้นแบบ ส่งผลให้ชั้นความร้อนสะสมมีความหนาน้อยกว่าโรงงานต้นแบบ ทำให้อากาศบริเวณด้านหน้าของโรงงานไหลเวียนเข้าสู่บริเวณภายในโรงงานได้ดีขึ้น โดยอากาศจะไหลเวียนภายในโรงงานได้ลดลงเมื่อค่า Heat Flux บริเวณหลังคาสูงขึ้น
*ค่าความร้อนบนหลังคา แสดงด้วยค่าความเข้มพลังงานความร้อนจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ (Heat Flux) ระหว่าง 600 – 800 W/m2 ซึ่งเป็นภาระทางความร้อนในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย
***ศึกษากับโมเดลอาคารขนาด 125x25 m2 ที่ไม่มีช่องเปิดบนจั่วหลังคา