เคล็ดลับที่ช่วยให้อยู่สบายและประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดค่าน้ำค่าไฟ สามารถทำได้หลายวิธี
วิธีการประหยัดพลังงาน
1. ทิศทางของอาคาร หน้าบ้านควรเป็นแนวทิศเหนือ ทิศใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รับแสงอาทิตย์เข้าสู่ช่องเปิดโดยตรง
2. ปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งกันสาด หรือชายคา โดยเฉพาะด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ จึงให้ผลดีที่สุดในการป้องกันความร้อนสู่อาคาร เพราะประเทศเราตั้งอยู่ค่อนไปทางซีกโลกเหนือ เส้นทางโคจรของดวงอาทิตย์ จึงอ้อมทางทิศใต้เกือบตลอดปี
3. เปิดช่องลม เพิ่มการระบายอากาศ โดยติดตั้งแผ่นบานเกล็ด (KS Louvre) หรือติดตั้งระบบหลังคาระบายอากาศ (KS Ventflow) ที่สันหลังคา พบว่า ระบบหลังคาระบายอากาศ สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 10-12 องศาเซลเซียส
4. แบ่งพื้นที่ใช้สอยให้สอดคล้องกับทิศทางลม แสงแดด โดยทิศใต้ซึ่งมีลมพัดผ่านตลอดทั้งวัน ควรเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ในส่วนทิศตะวันตกจะรับแดดโดยตรง ควรเป็นพื้นที่ใช้งานน้อย แต่มีลมพัดถ่ายเท จึงควรเป็นห้องน้ำ ห้องครัว บันได ห้องเก็บของ
5. สีของวัสดุสำหรับอาคาร วัสดุหลังคาสีอ่อน จะสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าสีเข้ม รวมถึงผนัง ฝ้าเพดาน วัสดุปูพื้น ควรเป็นสีอ่อนเช่นกัน
6. เปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติ เปิดช่องแสงให้เพียงพอต่อการใช้งาน ถ้าให้ดีควรเปิดช่องรับแสง จากทางทิศเหนือ จะช่วยลดค่าไฟได้อีกด้วย หรือติดตั้งแผ่นโปร่งแสงบนหลังคา (KS Skylight) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
7. ตำแหน่งของหน้าต่าง เพื่อให้เกิดการถ่ายเท ทิศใต้คือ ทิศที่ลมพัดผ่านเข้ามาตลอดทั้งวัน ไม่ควรติดตั้งในทิศตะวันตก
8. เลือกซื้อแต่อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน เช่น อุปกรณ์ที่มีฉลากเบอร์ 5
บทสรุป
ถ้าอาคารบ้านเรือนในประเทศไทย สามารถประหยัดพลังงานลงได้มาก ก็เท่ากับช่วยลดปริมาณการนำเข้าเชื้อเพลิง และพลังงานจากต่างประเทศได้มาก อาคารที่มีการใช้พลังงานน้อย แต่ยังคงอยู่สบาย และมีคุณภาพชีวิตภายในบ้านที่ดี ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาบ้านได้ในระยะยาว สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตยุคใหม่ ย่อมจะตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่สำหรับอนาคต